EP7 ฟิลเลอร์ เติมเต็มหรือเติมตาย by หมอกระติ๊บ

banner1 - อาเซียนบิวตี้คลีนิค Asean Beauty Clinic

จั่วหัวซะน่ากลัว  จริงๆ  แล้วมันไม่น่ากลัวขนาดนั้นหรอกจ้า  แต่คนเรานี่แหละที่ทำให้มันน่ากลั๊วววน่ากลัว  คุณหมอคะ  หนูอยากฉีดหน้าผาก  อยากฉีดจมูก  อยากฉีดคาง  อยากฉีดหน้าผากให้โหนกนูน  ไปจนถึงนม  ถึง…(พูดออกอากาศไม่ได้) สารพัดที่จะฉีดได้

แต่สาวๆ  รู้ไหมว่าฟิลเลอร์จริงๆ  แล้วคืออะไร  แล้วที่ฉีดเข้าไปจะปลอดภัยหรือเปล่า  มีผลข้างเคียงหรือไม่  หมอกระติ๊บเลยจะมาเล่าถึงเรื่องฟิลเลอร์กันก่อน  ซึ่งฟิลเลอร์หรือเรียกเป็นภาษาไทยว่าสารเติมเต็ม  (ขอวิชาการหน่อย  อย่าเพิ่งหลับหรือวางก่อนนะจ๊ะ  เดี๋ยวมีฮาแน่นอน)

ฟิลเลอร์จริงๆ  แล้วเป็นชื่อเรียกรวมๆ  แต่อันที่จริงแล้วเป็นสารที่ปลอดภัยและผ่าน อย. และยอมรับกันในหมู่แพทย์จะเป็นสารที่เรียกว่า  Hyaluronic Acid  ซึ่งโดยธรรมชาติจะสลายหมดภายใน 1 ปี  เต็มที่ก็ไม่เกินปีครึ่ง  สองปี  และสลายได้หมด

รวมถึงสามารถฉีดสลายได้ด้วยยาสลายที่เรียกว่า  Hyaluronidase  ซึ่งเรียกได้ว่าปลอดภัย และหากเป็นก้อน ไม่ชอบก็สามารถฉีดสลายได้ส่วนสารอื่นๆ เช่น  Aquamid Aquaderm Aquafilling  ซึ่งเป็นสารที่มีชื่อว่า Polyacrylamide เป็นสารที่มีราคาถูกกว่ามากๆ อยู่ได้นานกว่า 2-5 ปี แต่มักเกิดปัญหาไหลย้อย เป็นก้อน ไม่สามารถฉีดสารใดๆ ไปสลายได้

แต่ที่ร้ายกว่านั้นคือพวกซิลิโคนเหลว  คอลลาเจนเหลวสารเหลวต่างๆ  น้ำมันละหุ่ง  น้ำมันมะกอก  พาราฟิน  ที่หมอกระเป๋าสารพัดสรรหามาฉีด  พวกนี้ถ้าฉีดเข้าไปก็ทำใจไว้ได้เลยถึงผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์  ที่นี้เรามาดูว่าฟิลเลอร์สามารถใช้เติมเต็มอะไรได้บ้าง

ฟิลเลอร์  สารสารพัดประโยชน์  (อันนี้หมอพูดถึงเฉพาะ  Hyaluronic Acid  ที่เป็นสารปลอดภัยนะ  สารอื่นเอาเป็นว่าอย่าคิดไปฉีดเชียว  ผลเสียมันมากกว่าผลดี)  สามารถฉีดเติมเต็มได้เกือบทุกบริเวณ  เนื่องจากคนเราพอแก่ขึ้น  คอลลาเจนตามธรรมชาติมันก็น้อยลง  ทำให้เกิดร่องนู่นนี่  ทั้งร่องลึก  ร่องตื้น  ฟิลเลอร์เป็นสารที่อุ้มน้ำ  ฉีดเข้าไปก็จะเติมเต็มบริเวณร่องให้อิ่มเอิบเต็มขึ้นเช่น  ร่องแก้ม  ร่องน้ำตา  ร่องน้ำหมาก  รวมถึงเติมเต็มอวัยวะให้อิ่มเอิบ  เช่น  ปากอิ่มเหมือนดาราฮอลลีวูด  เติมหน้าผากให้ดูโหนกนูน  เติมขมับที่บุ๋ม  ฉีดเสริมจมูก  เสริมคาง  โดยแต่ละบริเวณก็จะใช้ฟิลเลอร์ที่มีความแข็งและนิ่มแตกต่างกัน  วิธีการฉีด  การปั้น  ก็แตกต่างกัน  เอาเป็นว่าจะฉีดบริเวณไหนก็ตามให้ดูว่ามันเป็นสารที่เป็น  Hyaluronic Acid เท่านั้น  เพราะเป็นสารเดียวที่อย. รับรองว่าปลอดภัย  และหากมีปัญหาขึ้นมาก็สามารถสลายได้ด้วยเอนไซม์

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าฟิลเลอร์ที่ขาย และฉีดกันอยู่เป็นตัวไหน

อย่างแรกให้ดูราคา  ฟิลเลอร์ที่เป็น  Hyaluronic Acid  แท้ส่วนใหญ่มีราคาที่สูง  คือคิดเป็นซีๆ  เลยทีเดียว  มักจะฉีดกันในราคาเกือบหมื่นหรือหมื่นกว่าต่อหนึ่งซีๆ ถ้าเจอฟิลเลอร์ซีๆ ละ 1,000-3,000 บาท  บอกได้เลยว่าเป็นสารที่ไม่ใช่  Hyaluronic Acid  ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักจะมีผลข้างเคียงหลังฉีด  เช่น  สลายไม่หมดเหลือเป็นก้อน  ไหลห้อยย้อย

อย่างที่สองคือระยะเวลาที่ฟิลเลอร์อยู่  ยิ่งอยู่นานยิ่งไม่ดีฟิลเลอร์ที่เป็น  Hyaluronic Acid  แท้ๆ  จะอยู่ได้ 1 ปี  เต็มที่ไม่เกิน 2 ปี  และจะสลายตัวได้หมดไม่ตกค้าง  ในขณะที่ตัวอื่นที่เป็นอันตรายมักจะอยู่ได้ 2-5 ปี  มีการสลายตัวไม่หมด  ตกค้างและเกิดการไหลย้อยไปที่อื่นได้  แย่ที่สุดคือพวกซิลิโคนเหลวอยู่ได้ถึงวันเผากันเลยทีเดียว

อย่างที่สามคือความน่าเชื่อถือของผู้ฉีด  ฟิลเลอร์นอกจากจะปลอดภัยหรือไม่ด้วยตัวสารฟิลเลอร์เองแล้ว  ผู้ฉีดก็สำคัญที่สุดค่ะ  การจะฉีดฟิลเลอร์ให้สวยต้องใช้ศิลปะ  ไม่ใช่สักแต่จะฉีดให้มันใหญ่  ให้มันอูม  แม้แต่ในกลุ่มแพทย์ด้วยกันเองจะฉีดฟิลเลอร์ได้สวยหรือไม่สวยยังวัดกันด้วยประสบการณ์ในการฉีดเลยค่ะ  นับประสาอะไรกับหมอกระเป๋า  (ซึ่งไม่ใช่หมอจริงๆ นะ)

ดังนั้น  ควรเลือกฉีดกับหมอจริงๆ  และฉีดในสถานพยาบาลที่มีใบอนุญาต  หากพาไปฉีดในรถ  ที่คอนโดมิเดียม  ไปฉีดให้ถึงบ้านต้องพึงระวังเลยค่ะ  ว่านอกจากจะได้ฉีดสารแปลกปลอมเข้าไปในร่างกายแล้ว  คนที่ฉีดยังไม่ใช่หมออีกต่างหาก

หมอเองมักจะเห็นคนไข้หลายคนที่ผ่านการฉีดจากหมอกระเป๋ามามาก  ซึ่งทุกคน  ย้ำเลยนะคะว่าทุกคน!!!  มักจะมาเสียใจภายหลัง  หลายคนบ่นว่า  หนูไม่น่าฉีดเลย  บางคนฉีดหน้าผากไหลมาที่ตา  บางคนฉีดสะโพกสุดท้ายไหลย้อยจนถึง…(อุ๊ย! ออกอากาศอีกแล้ว)

สุดท้ายต้องไปเอาออก  เสียเงินเป็นหมื่นๆ แสนๆ  บางจุดก็ไม่สามารถเอาออกได้ด้วย  ต้องอยู่กับมันไปจนวันตาย  ที่ร้ายที่สุดคือผลข้างเคียงเฉียบพลันที่นำไปสู่การสูญเสียอวัยวะ เช่น  ตาบอด  ฉีดสะโพกจนฟิลเลอร์ไหลไปอุดตันเส้นเลือดจนเสียชีวิตดังที่มีข่าวให้เห็นกันเนืองๆ  ทั้งเสริมฉีดใส่น้องชายเพื่อเพิ่มขนาดอวัยวะจนต้องตัดทิ้งเลยก็มีให้เห็นกันมากมาย  ดังนั้น  หากตัดสินใจจะฉีดฟิลเลอร์จริงๆ  ต้องคิดกันให้มากหน่อย  โดยเฉพาะฉีดในปริมาณมากๆ  เช่น  ถ้าใครอยากฉีดนม  หมอแนะนำไปเสริมด้วยซิลิโคนเลยดีกว่า  หรือถ้าใครอยากฉีดสะโพกก็แนะนำไปเสริมเลย  ถ้าไม่อยากกันห้อยย้อยเป็นถุงกาแฟในอนาคต  แต่ถ้าอยากฉีดปริมาณมากๆ  แนะนำใช้ไขมันตนเองในการฉีด  เพราะเป็นธรรมชาติ  และมาจากไขมันตนเอง  เนื่องจากหากใช้ฟิลเลอร์แท้ๆ  ที่ปลอดภัยหากฉีดเป็นสิบซีๆ  คงต้องเสียเป็นแสนๆ  ไอ้ที่ฉีดกันถูกก็มักไม่ปลอดภัย สู้ฉีดไขมันตนเองดีกว่า  ปลอดภัยกว่ากันเยอะและสามารถฉีดได้แทบจะทุกบริเวณ  เช่น  ขมับ  หน้าผาก  แก้มร่องต่างๆ  ร่องแก้ม  ร่องใต้ตา  หน้าอก  สะโพก

จากที่เล่ามาทั้งหมดนี้หวังว่าผู้ที่อยากจะฉีด  สนใจจะฉีดฟิลเลอร์จะได้ความรู้  เลือกฉีดให้ถูกต้อง  จะได้เติมเต็มแต่ไม่เติมตายนะจ๊ะ  เพราะว่าถ้าเจอซิลิโคนเหลวหรือฟิลเลอร์ปลอมเข้าไป มันก็เหมือนตายทั้งเป็นเลยจริงๆ

ถามมา ตอบไป by หมอกระติ๊บ

DR5 - อาเซียนบิวตี้คลีนิค Asean Beauty Clinic

Q: อยากเสริมดั้ง  เสริมคาง  เสริมร่องแก้ม  เสริมๆๆ  มันเสริมได้หมดจริงหรือเปล่าคะคุณหมอ

A: เสริมและเติมเต็มได้เกือบทุกส่วนจริงค่ะ  แต่ต้องอยู่ในมือของผู้เชี่ยวชาญ  และตอนนี้สารที่อย. อนุญาตให้ใช้มีเพียงตัวเดียวคือ  Hyaluronic Acid  ค่ะ  อีกทั้งไม่มีข้อบ่งชี้ให้ฉีดจมูก  ถามว่าเมื่อก่อนใช้ได้ไหม  เคยใช้ได้ค่ะ  แต่เนื่องจากมีผลข้างเคียงที่รุนแรง  เช่น  มีเคสตาบอด  ถึงได้มีข้อบ่งชี้ออกมาค่ะว่าไม่ให้ใช้ฟิลเลอร์ฉีดจมูก  นั้นจะฉีดก็ดูอย่างน้อยสามอย่าง คือ หมอ  สารที่ฉีด  และจุดที่ต้องการจะฉีดค่ะ

Q: เวลาไปเสริมหนูก็ไม่มานั่งดูยี่ห้อหรอกค่ะแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าหมอที่ฉีดเขาฉีดอะไร  ได้ผลหรือเปล่า

A: อย่างที่บอกคือให้ดูอย่างน้อยสามอย่าง  คือหมอ  สารที่ฉีด  และจุดที่ต้องการจะฉีดค่ะ  รวมถึงความน่าเชื่อถือของหมอและตัวคลินิก  สารที่ฉีดถึงเราดูไม่เป็น  แต่ความน่าเชื่อถือของหมอจะเป็นตัวเสริมความมั่นใจได้ระดับหนึ่งค่ะ  และหากเราต้องการดูกล่องหรือแพ็กเกจ  เราก็สามารถขอดูได้ค่ะ  ส่วนฟิลเลอร์  ผลจะเห็นทันทีค่ะ คือ  ไม่ต้องรอระยะเวลา

Q: มันมีจริงไหมคะว่าถึงจะเป็นฟิลเลอร์ของแท้  แต่ก็ยังมีคนที่ได้รับผลข้างเคียงแบบรุนแรงอยู่

A: ถ้าบอกว่าฟิลเลอร์ของแท้  นั่นก็น่าจะหมายถึงฉีด  Hyaluronic Acid  ซึ่งจริงๆ  แล้วปลอดภัยสูงและมีอัตราการแพ้น้อยกว่า  Collagen  จากสัตว์หรือพวกสารฟิลเลอร์ชนิดอื่นๆ  อยู่มาก  แต่การที่จะเกิดผลข้างเคียง  ซึ่งมีความรุนแรงหลายระดับลดหลั่นกันไป  เช่น  มีการบวมแดงบริเวณที่ฉีดเป็นก้อน  มีช้ำ  มีการอักเสบ  ติดเชื้อบริเวณที่ฉีดหรือมีการอุดต้นเส้นเลือดใดๆ  ซึ่งส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงต่ออวัยวะที่เกี่ยวเนื่องที่รุนแรงได้  เช่น  ตาบอด  ซึ่งกรณีเหล่านี้เกิดได้หลายสาเหตุ  ทั้งจากวิธีการฉีด  และความแตกต่างกันในแต่ละบุคคลซึ่งถึงแม้จะใช้  Hyaluronic Acid  แท้ๆ  ก็สามารถเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้นได้  แต่หากอยู่ในการดูแลของแพทย์แล้ว  ผลข้างเคียงเหล่านี้หากได้รับการวินิจฉัยและทำการสลายฟิลเลอร์ได้โดยเร็วจะทำให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรงน้อยลงมาก

แชร์โฟสนี้