EP9 หมอกระเป๋า นางฟ้าหรือซาตาน by หมอกระติ๊บ


หมอกระเป๋า อาชีพเก่าแก่ที่เกิดมาพร้อมกับความแพร่หลายทางด้านการเสริมความงามเลยทีเดียว ตั้งแต่สมัยก่อนที่รับฉีดสารพวกคอลลาเจน (เรียกให้ไพเราะ) หรือจริงๆ ก็คือซิลิโคนเหลวนั่นเอง เมื่อก่อนหมอกระเป๋าจะมาพร้อมกับกระเป๋าเจมส์บอนดหนึ่งใบพร้อมสารพัดอุปกรณ์การฉีด ซึ่งดูๆ แล้วไม่น่าจะถูกสุขอนามัยเท่าไร
สมัยก่อนการฉีดซิลิโคนเหลวจะแพร่หลายอย่างมาก รวมถึงการฉีดพาราฟินเพื่อเพิ่มขนาดอวัยวะเพศชาย คนที่เป็นหมอกระเป๋าส่วนใหญ่จะพัฒนามาจากผู้ช่วยหมอจริงๆ แบบครูพักลักจำแล้วมาเปิดสำนักหมอกระเป้ารับฉีดตามบ้าน ซึ่งข่าวฉีดแล้วเน่าก็มีให้เห็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ฉีดจู๋ให้ใหญ่จนเน่าจนต้องตัดทิ้งนี่ได้ยินมาเยอะเลยทีเดียว
ส่วนสมัยนี้หมอกระเป๋าได้อัปเลเวลขึ้นอีก เพราะว่าคลินิกเสริมความงามเปิดเป็นดอกเห็ด (หมอกระเป๋าก็เลยมีที่เรียนรู้เยอะขึ้น) ยาฉีดก็หาซื้อได้ง่าย พอๆ กับพาราเซตามอล เพียงแค่คลิกในอินเทอร์เน็ต คุณก็จะเจอมากมาย ซึ่งหมอกระเป๋าสมัยนี้จะให้บริการหมด ทั้งฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ กลูต้า อัปอึ๋ม อัปสะโพกฉีดฮอร์โมน และสารพัดที่จะฉีดได้ และเป็นทางเลือกสำหรับสาวที่อยากสวย แต่ราคาประหยัด เนื่องจากราคาถูกกว่าคลินิกมากโขอยู่แต่คนเราบอกเลยว่าอย่าเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย อย่าเห็นแก่ของราคาถูกจนหน้ามืด เพราะตอนฉีดเข้าไปใหม่ๆอาจจะยังไม่รู้ถึงผลเสีย อาจจะสวยอยู่ แต่ผลเสียในอนาคตยังไม่มีใครบอกได้ เอาง่ายๆ อย่างโบท็อกซ์ ถ้าโดนของปลอมเข้าไปจะเกิดการดื้อยาในอนาคต ทำให้ต้องใช้ยามากกว่าเดิม หรือถึงกลับมาใช้ยาแท้ก็จะไม่เห็นผล อย่างฟิลเลอร์ก็มีการไหลย้อยได้ในอนาคตถ้ามีการติดเชื้อก็เน่าได้ ใบหน้าและอวัยวะผิดรูปได้ตาบอดได้ และตายได้!
รวมถึงเทคนิคการฉีดที่มั่วซั่ว เพราะหมอกระเป๋าจะอาศัยครูพักลักจำ แต่ถามว่ารู้ลึกถึงอะนาโตมีหรือกายวิภาคศาสตร์แบบหมอจริงๆ ไหม กล้ามเนื้อหรือเส้นเลือดอยู่ตรงไหน เขาได้เรียนมาไหม เนื่องจากไม่ได้เรียนมาและไม่สนใจจะเรียน บางคนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หรือมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยอาศัยทำงานในคลินิกในระยะเวลาสั้นๆ แล้วอัปเลเวลขึ้นมาเป็นหมอกระเป๋าแล้วอย่างนี้คุณจะไว้ใจให้เขาฉีดอะไรเข้าไปในร่างกายคุณอีกหรือรวมถึงยาในอินเทอร์เน็ตที่ขายกันเกลื่อนเหมือนขนมตอนนี้ด้วยนะ การติดเชื้อถือว่าเป็นอาการที่ยังไม่ร้ายแรงมาก แต่ในความเป็นจริงก็ถือว่าร้ายแรง เพราะหากติดเชื้อจะทำให้เกิดอาการเน่า เมื่อเน่าแล้วก็ต้องเดือดร้อนหมอที่เชี่ยวชาญจริงๆ มาช่วยแก้ไขอีก และที่เลวร้ายที่สุดคืออาจทำให้เสียชีวิต แพ้ยา ช็อก ตาบอด อวัยวะเน่าจนถึงกับต้องตัดทิ้ง และตาย ซึ่งมีตัวอย่างและข่าวให้เห็นโดยทั่วไป
ดังนั้น ฝากถึงน้องๆ ที่อยากสวยราคาประหยัด เพราะเดี๋ยวนี้คลินิกเสริมความงามมีมากมาย ตลาดราคาแข่งกันมากจนราคาของคลินิกเกือบจะเท่ากับหมอกระเป๋าแล้ว บางทีราคาของหมอกระเป๋าก็ไม่ได้ถูกเลย แต่อาศัยความไร้จรรยาบรรณโดยเชียร์ทำแบบมั่วซั่ว เพราะอยากได้เงิน ดังนั้น ถ้าจะฉีดกับหมอกระเป๋าให้เลือกคลินิกที่ราคาพอรับไหว และควรฉีดกับหมอจริงๆ จะดีกว่าอย่าไปเสี่ยงกับหมอกระเป๋า เพราะอย่างน้อยถ้าคลินิกมีปัญหาก็ยังมีที่อยู่ที่สามารถเรียกร้องได้ แต่หมอกระเป๋าหากทำคนตายก็หนีหายไป จับได้ก็แค่มากราบ มาไหว้ โดนจับเข้าคุกเดี๋ยวเดียวแล้วจบกันอย่างนั้นหรือ
ถามมา ตอบไป by หมอกระติ๊บ
Q: เขาก็บอกว่าไม่ค่อยได้ออกมาฉีดให้ใครข้างนอกอย่างนี้ง่ายๆ ปกติแล้วหมอเขาสามารถออกมาฉีดนอกคลินิกอย่างนี้ได้หรือเปล่าคะ
A: เขานี่คือใครเอ่ย สรุปมาฉีดตามบ้าน เรียกรวมๆ ก็หมอกระเป๋านั่นแหละค่ะ ซึ่งเป็นหมอจริงหรือหมอเก๊ก็น่าจะใช้วิจารณญาณเอานะคะ แต่ถ้าให้หมอกระติ๊บเดา ส่วนใหญ่ก็เก๊น่ะค่ะ ถามว่าผิดไหม ตามตัวบทกฎหมายว่าไว้ ดังนี้
- จำหน่ายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท
- จำหน่ายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- โฆษณาขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต ระวางโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท
- ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (อันนี้สำหรับหมอปลอม ถามว่าโทษเบาไหม ปรับ 30,000 บาท ฉีดเคสสองเคสก็ได้แล้วค่าปรับ)
- ประกอบกิจการและดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
แต่ถ้าถามว่าทำไมถึงยังมีออกมาฉีดกันจำนวนมาก ก็เพราะโทษมันเบาที่จะเสี่ยงไงคะ คือไม่ต้องลงทุนอะไรมาก ถ้าเนียนๆ ทำไปไม่มีใครจับได้ก็หาเงินเข้ากระเป๋าเป็นแสนเป็นล้าน แต่ถ้าโดนจับได้ โทษก็ตามที่บอกค่ะ ถ้าไม่ติดคุกก็ยังมีเงินไว้จ่ายค่าปรับได้อีกหลายครั้ง แล้วยิ่งพวกที่ฉีดซึ่งไม่ใช่หมอมีอะไรให้ยึดคะ ใบอนุญาตไม่มีให้ยึด มีเรื่องขึ้นมาก็ติดคุกและจ่ายค่าปรับ ถึงแม้จะทำคนตาย แค่ออกมาไหว้ขอโทษออกสื่อเสียค่าปรับ เข้าคุกโชว์แป็บๆ ก็ประกันตัวออกมาทำแบบเดิมอีกไม่จบไม่สิ้น ถึงได้มีหมอกระเป๋าออกมาหากินขึ้นเรื่อยๆ และมากขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้น หมอก็อยากให้หนูคิดนิดหนึ่งว่าถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นมา สิ่งที่เราเสี่ยงเพื่อ แลกกับการประหยัดเงินแค่นิดเดียว มันได้ไม่คุ้มเสียหรอกค่ะ
Q: หนูมีเมโสแฟตที่หนูซื้อมาเองน่ะค่ะ พี่คนนี้เขาทำอยู่ร้านคลินิกมานาน เลยจ้างเขามาฉีดคิดว่าคงไม่เป็นอันตรายใช่ไหมคะ เพราะของก็ของเราเอง แค่จ้างมาฉีดเฉยๆ
A : คือกรณีนี้ถามว่าอันตรายไหม อันตรายค่ะคือบอกเลยว่าเสี่ยงทั้งคู่ เราเองก็เสี่ยงกับการได้รับการรักษาที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะพี่เขาไม่ใช่หมอ ส่วนพี่เขาเองก็เสี่ยงที่ต้องมาฉีดยาอะไรก็ไม่รู้ให้น้องเพื่อแลกกับเงินไม่กี่บาท เพราะน้องอาจจะซื้อยาปลอม หรืออะไรมา ซึ่งทั้งคู่ก็อาจจะไม่รู้ ซึ่งมันเสี่ยงทั้งคนฉีดและคนโดนฉีดค่ะ แต่คนโดนฉีดคือหนูนั่นแหละเสี่ยงมากกว่า เพราะว่าสารมันเข้าไปในร่างกายหนูถูกไหมคะ ถึงหนูตายคาเข็ม พี่คนนั้นก็หนีหายตัวไป ถ้าจับได้ ก็มีข้อปฏิเสธหลายอย่างว่ายาหนูซื้อมาเองอะไรเอง หรือตีเนียนทำเป็นความจำเสื่อมไปเลย สุดท้ายคนที่ซวยที่สุดคือหนูนั่นแหละ ถามหน่อยว่า ทำไมยาพวกนี้กล้าซื้อมาฉีดเองถ้าหนูทำคลอดเองได้ หนูคงทำไปแล้วใช่ไหมลูก?
Q: ก็หนูไม่มีเวลา จะไปหาหมอก็กลัวจะเสียเงินเยอะ แบบนี้หนูก็ว่ามันสะดวกดีเพื่อนๆเขาทำกันมาตั้งเยอะแล้วไม่เห็นมีใครเป็นอะไรเลย
A : คือคำว่าไม่มีเวลา มันคุ้นๆ เหมือนพวกคำอ้างของคนอ้วนที่อ้างว่าไม่มีเวลาออกกำลังกาย (คือแบบรู้ดี เพราะใช้บ่อย) กลัวเสียเงินเยอะเนอะแต่ไม่เห็นจะกลัวเสียโฉมหรือเสียชีวิต คนอื่นทำกันตั้งเยอะแยะ ไม่เห็นเป็นไร แล้วที่ออกข่าวกันโครมๆ ว่าตายบ้าง ตาบอดบ้าง เสียโฉมบ้าง นี่ไม่เป็นไรใช่ไหมจ้ะ อาจจะไม่เป็นไรตรงที่พวกเขาไม่ใช่เพื่อนหนูไงคะ แต่ถามว่า คำว่าแจ็กพอตหรือถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 มันมีคนถูกทุกงวดไหมมีค่ะ แล้วถ้าหวยมันมาออกที่เรา ถ้าเป็นเรื่องถูกหวยก็คงดี แต่ถ้าเป็นเรื่องความตาย ตาบอดเสียโฉม ทีนี้คงไม่สนุกใช่ไหมคะ ถ้าน้องไม่อยากถูกรางวัลที่ 1 ก็คือไม่ต้องซื้อหวย มันก็เหมือนกับถ้าไม่อยากเสียโฉม เสียชีวิต ก็เลี่ยงการที่จะสวยแบบเสี่ยง อันนี้เข้าใจตรงกันนะ