EP8 สูงปรี๊ด! ไปเลยจมูกฉัน by หมอกระติ๊บ
การผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่งสมัยนี้ ได้พัฒนารุดหน้าไปมาก มีเทคนิคใหม่มากมายจากทั้งไทยและต่างประเทศที่จะช่วยให้ใบหน้าดูสวยและได้สัดส่วนขึ้น การศัลยกรรมสมัยใหม่จะมองแบบองค์รวม คือทุกอย่างบนใบหน้าจะต้องลงตัว ไม่ใช่จมูกสวยตาปากสวยแบบเวอร์ๆ แต่อยู่รวมกันบนหน้าเราแล้วกลับดูไม่สวยไม่กลมกลืน ไม่เป็นธรรมชาติ ดูแล้วมันขัดตาแบบขาดๆ เกินๆแต่แหม คนธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ไม่ได้ทำงานใช้หน้าตาเหมือนดารานางแบบ พริตตี้ ครั้นอยู่ๆ จะให้มาทุบหรือทำทั้งหน้า ตาจมูก ปาก ก็ใช่ว่าทุกคนจะทำได้แบบนั้นจริงไหมคะ
วันนี้หมอกระติ๊บจะมาเล่าให้ฟังว่า ปัจจุบันนี้เทคนิคการทำศัลยกรรมในประเทศไทยที่สาวๆ หนุ่มๆ ฮิตทำกันนั้นมีอะไรบ้างเพื่อเป็นความรู้เบื้องต้นหากคุณคิดอยากจะทำศัลยกรรม
การทำจมูกในประเทศไทยหลักๆ คือการเสริมด้วยซิลิโคนซึ่งจะสวยหรือไม่สวยก็ขึ้นอยู่กับฝีมือหมอและเทคนิคในการเหลาซิลิโคนของแต่ละท่าน เหมือนการปั้นหุ่นนั่นเอง ถ้าปั้นออกมาไม่สวยมันก็ขึ้นรูปออกมาไม่สวย ดังนั้น การเสริมจมูกด้วยซิลิโคนนั้นจะขึ้นอยู่กับฝีมือทั้งการเลาะ การเหลา การยัด การเย็บ ฉะนั้นฝีมือและสไตล์หมอแต่ละท่านจึงต่างกัน เนื่องด้วยเทคนิคการเหลาซิลิโคนที่แตกต่างกันนั่นเอง
แต่สมัยนี้เทคโนโลยีทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ทางการหมอ เพราะมีซิลิโคนสำเร็จรูปที่ให้หมอเลือกใช้กันหลากหลายรูปแบบ ทั้งของอเมริกา เกาหลี ทำให้การเสริมจมูกในประเทศไทยแพร่หลายในวงกว้างมากขึ้น ราคาในการทำจมูกจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับฝีมือหมอและการทำการตลาดของแต่ละคลินิก
ถัดจากเทคนิคการใส่ซิลิโคนอย่างเดียวก็มาถึงเทคนิคการใส่หยดน้ำที่ปลายจมูกด้วยกระดูกหู ไขมัน หรือเนื้อเยื่อต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่หมอที่ทำเทคนิคนี้จะประเมินทรงจมูกแบบผสมผสานเพื่อความสมดุลของจมูกของคนไข้ (นั่นหมายถึง เทคนิคที่ซับซ้อนทำยากขึ้น และราคาที่แพงขึ้นจนหูฉีกนั่นเอง) โดยเทคนิคนี้จะประกอบด้วยการทำจมูกหลักๆ สามอย่าง คือ การใส่ซิลิโคนไส้สโลปสันจมูกให้สวย การต่อปลายจมูกหยดน้ำด้วยกระดูกอ่อนหลังใบหู และการปรับปีกจมูกให้ได้รูปทรงสวยกลมกลืน ซึ่งวิธีการเสริมปลายจมูกด้วยกระดูกหลังใบหูนี้จะเป็นการแก้ไขปัญหาจมูกสั้น จมูกรั้น ซึ่งมีโอกาสที่จมูกจะทะลุได้ ถ้าใส่ซิลิโคนยาวเพื่อจะยึดหรือดันจมูกให้ปลายพุ่งแบบพินอคคิโอ
วิธีนี้จะใช้กระดูกอ่อนหลังใบหูมาเป็นตัวต่อปลายจมูก และต่อความยาวให้กับปลายจมูกให้เป็นรูปหยดน้ำ โดยสามารถยึดความยาวได้ถึง 5 มิลลิเมตร หรือครึ่งเซนติเมตรโดยที่ไม่เป็นอันตรายและไม่เสี่ยงต่อการทะลุปลายจมูก โดยจะได้เป็นหยดน้ำที่ดูหวานสไตล์เกาหลี อีกทั้งกระดูกอ่อนหลังใบหูยังเป็นเนื้อเยื่อของเราเองทำให้ผสานเป็นเนื้อของเราไปเลย ซึ่งจะดูเป็นธรรมชาติมาก และหลังจากทำไปแล้วประมาณ 3 เดือนสามารถจับปลายจมูกเล่นได้เหมือนกับธรรมชาติให้มาจริงๆ ค่ะ
โดยคำถามที่หลายท่านมักสงสัย มีดังนี้
- ต้องผ่าตัดทั้งจมูกและหูคือผ่าทั้งสองที่หรือเปล่า ?
ตอบ ใช่ค่ะ ผ่าทั้งจมูกและหูเพื่อนำเนื้อเยื่อไขมันและกระดูกอ่อนมาใช้ในการปรับแต่งปลายจมูก แต่แผลของการนำเนื้อเยื่อใบหูจะซ่อนอยู่ที่หลังใบหูซึ่งมองไม่เห็นแผล และอาจจะมีอาการชาที่หูประมาณ 1-2 สัปดาห์เท่านั้นค่ะ โดยจะตัดไหมพร้อมไหมจมูก
- หูจะแหว่งหรือเบี้ยวไหม
ตอบ ไม่ค่ะ เพราะกระดูกที่เรานำมาเป็นเพียงส่วนหนึ่ง ซึ่งไม่ทำให้โครงสร้างของใบหูเปลี่ยนแปลง ใบหูจะมีหน้าตาเหมือนเดิม เพียงแต่จุดที่เราเลาะกระดูกออกมาจะนิ่มกว่าบริเวณอื่นเล็กน้อย ซึ่งไม่มีผลต่อรูปร่างของใบหูใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากนี้ ยังมีเทคนิคอื่นๆ อีก ทั้งโอเพนนำกระดูกจากเซปตัมบลาๆ พูดไปก็ยาว ขอวิธีที่แพร่หลายในประเทศไทยแล้วกันนะคะ แต่ถามว่าเทคนิคที่ก้าวหน้านั้นหมอไทยทำได้ไหม ทำได้ค่ะ แต่ไม่ทุกคน
เฮ้ย! อ่านมาทั้งหมดทำไมมันเหมือนโฆษณาทำจมูกของคลินิกเลย หมอกระติ๊บสนับสนุนการเสริมจมูกแบบแพงๆ สินะต้องทำจมูกด้วยกระดูกใบหูเท่านั้นใช่ไหม จึงจะเกาหลี สวย เริด เราจะบอกตามที่เราหาข้อมูลมานะคะ แต่อันที่จริงแล้วการทำจมูกจะขึ้นอยู่กับทรงจมูกเดิมของเราด้วย ถ้าของเดิมดั้งจมูกหัก จมูกหมูปีกจมูกบานเป็นร่ม จนแม่ค้าแถวตลาดขอไปยืมกางแล้วจะมาบอกหมอว่า “หมอ หนูมีงบ 8,000 บาท จะเอาจมูกแบบเรียวๆ นะขอสโลปสวยๆ แบบดาราเกาหลีนะ ตรงปลายเอาเรียวๆ เล็กๆ นะ มีหยดน้ำด้วยนะ แล้วปีกจมูกอยากให้เรียวๆ เล็กๆ นะ ขอแผลหายเร็วด้วยนะ ต้องรีบใช้หน้า” เอ่อ คุณน้อง ขอรบกวนให้ส่องกระจกนิดหนึ่ง ถามว่าแบบที่อยากให้ทำน่ะ หมอทำได้ไหม ด้วยเทคโนโลยีและเทคนิคทางการหมอสมัยนี้สามารถทำได้ค่ะ แต่งบ 8,000 บาทจะเอาทุกอย่างตามที่บอกนี่ หมอแนะนำให้คุณน้องเอาเงินส่วนนั้นไปทำบุญให้มากๆ เพื่อที่จะสวยในชาติหน้าดีกว่าค่ะ เพราะถ้าชาตินี้ สมมุติถ้าน้องบินไปเกาหลีก็ต้องใช้เงินประมาณ 200,000 บาท ถ้าทำที่ประเทศไทยก็ประมาณ 50,000-60,000 บาทค่ะ
ทั้งนี้ ไม่ใช่ว่าหมองกเงิน ไม่มีปัญญาทำให้นะคะ แต่ว่าถ้าคุณน้องไม่ประเมินหนังหน้าตัวเองแล้ว ความคาดหวังสูงเลิศในงบประมาณกระจิริด คงไม่มีหมอคนไหนเสี่ยงทำให้ เนื่องจากงบประมาณแค่นั้นอาจจะเพียงพอสำหรับการใส่ซิลิโคนแท่งเดียว ซึ่งถามว่าน้องจะสวยขึ้นไหม สวยขึ้นแน่นอนค่ะ แต่คงไม่ได้ตามที่น้องบรรยายมาแน่นอน และหากหมอทำให้แล้วไม่สวยเริดอย่างที่น้องหวังไว้ น้องก็จะมีอาการนอยวีนแตกค่ะ เพราะหมอหลายคนเจอมาแล้วกับความคาดหวังสูงเหล่านั้น ดังนั้น ก่อนการผ่าตัดจึงต้องมีการประเมินโดยหมออย่างไรล่ะคะว่าทรงจมูกเดิมแบบนี้สามารถทำออกมาได้แบบไหน ด้วยวิธีไหนบ้าง ในงบประมาณเท่าไรเหมือนจะพูดแต่เรื่องเงิน แต่หมออยากให้เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องจริงไม่ใช่ไปฟังคนข้างบ้าน เพื่อน บล็อกเกอร์ เอเยนต์ศัลยกรรมพนักงานหน้าร้าน เป่าลมร่ายมนตร์ว่าคนนั้นไปทำมาแล้วสวยอย่างนั้นสวยอย่างนี้ เธอมาทำสิ ต้องสวยอย่างนั้นสวยอย่างนี้ ซึ่งพอทำออกมาแล้วนอกจากจะเสียเงิน แต่ยังต้องเสียใจกับผลที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้
การผ่าตัดไม่ใช่การฉีดโบท็อกซ์นะคะ ตัดแล้ว ใส่แล้วเจ็บตัวแล้ว ถ้าไม่ชอบ ไม่สวย ก็ต้องแก้ ถ้าไม่แก้ก็ต้องทนไปกับความทุกข์ทรมานที่ทำแล้วไม่เป็นดังหวัง ดังนั้น เมื่อคุณเลือกที่จะทำศัลยกรรมอะไรสักอย่าง ขอร้องเถอะค่ะ เสียเวลาคุยกับหมอที่จะเป็นคนลงมือผ่าให้คุณสักเล็กน้อย ถ้าหมอไม่ให้คุยก็ไม่ต้องทำค่ะ เพราะตอนคุณอยู่บนเขียง คุณไม่สามารถร้องขอชีวิตอะไรได้อีกแล้ว หมอแต่ละท่านจะทำไปตามที่ถนัดและสไตล์ของแต่ละท่านค่ะ
เมื่อทำออกมาแล้วจะสวยไม่สวย จะถูกใจไม่ถูกใจ มีแก้ทีหลังมันเปลืองเงินค่ะ ที่สำคัญคือคนแก้เหนื่อยที่จะต้องมาแก่งานที่ไม่รับผิดชอบ เช่น ใส่ซิลิโคนเวอร์ๆ จนหนังปลายจมูกรับไม่ไหว ผลก็คือทะลุไงคะ บางกรณีมันไม่ทะลุในวันสองวันบางคนปีสองปี บางคนหลายปี ถ้าไม่อยากแก้ ไม่อยากเจ็บตัวบ่อยๆ อย่าอยากสวยชั่วคราว เลือกที่พอดีกับเราและปลอดภัยดีกว่า หรือไม่ก็ยอมเสียเงินเพิ่ม เพื่อทำกรรมวิธีที่สวยได้ปลอดภัยด้วยดีกว่าค่ะ
สุดท้ายนี้การผ่าตัดทุกอย่างมีความเสี่ยง ดังนั้น ควรศึกษาข้อมูลทุกครั้งก่อนการผ่าตัด (สโลแกนคุ้นๆ) อีกอย่างคืออย่าเสพติดศัลยกรรมค่ะ เพราะใบหน้าคนเราก็มีขีดจำกัดหากทำมากๆ หน้าตาอาจจะออกมาเป็นมนุษย์ต่างดาว ผู้ที่เสพติดจนพลาดก็มีให้เห็นทั่วไปจำนวนมากแล้ว ดังนั้น ควรเก็บไว้เตือนตัวเองจะดีกว่า แม้ว่าความสวยจะไร้ขีดจำกัด แต่คนเราต้องรู้จักกำจัดความอยากสวยแบบเสพติดค่ะ
ถามมา ตอบไป by หมอกระติ๊บ
Q: อยากเสริมมากๆ แต่กลัวว่าจะออกมาไม่ได้อย่างใจ อ่านวิธีของหมอแล้วก็ยังกลัวควรทำอย่างไรดี
A: คำว่าได้อย่างใจนี่แหละน่ากลัวสุดๆ ค่ะ เพราะในชีวิตเราคงไม่มีอะไรได้อย่างใจไปหมดถูกไหมคะ ดังนั้น ถ้ากลัวก็ต้องขยันหาข้อมูลและอ่านให้มากก่อนจะเสริมกับหมอคนไหน ให้หาข้อมูลจนมั่นใจว่าเราชอบและเข้ากับสไตล์ของเรา เพราะหมอแต่ละท่านก็มีสไตล์การทำที่แตกต่างกัน ส่วนเรื่องความกลัวมีกันทุกคนค่ะ ก็ผ่าตัดนะคะ ไม่ใช่แต่งหน้าทาแป้ง ดังนั้น การหาข้อมูลจะช่วยทำให้เรามั่นใจ และลดความกลัวลงได้ดีเลยค่ะ
Q: ดาราที่ชอบพูดว่าดัดฟันแล้วจมูกโด่ง ผอมแล้วจมูกโด่งจริงหรือเปล่าคะ
A: การดัดฟันมีส่วนทำให้โครงจมูกและคางชัดขึ้นเนื่องจากสัดส่วนของใบหน้ามีการเปลี่ยนแปลงค่ะ เมื่อฟันเหยินๆ เข้าที่จะทำให้จมูก คาง ดูเด่นขึ้นหรือคนอ้วนที่มีเนื้อกองอูมๆ เต็มหน้า เมื่อผอมแล้วโครงหน้า จมูก และคางจะชัดขึ้น ก็มีส่วนเป็นไปได้ค่ะ
แต่กรณีที่จมูกมาเป็นแท่งพุ่งหลาวไปถึงดาวอังคาร คางยื่นยาวแหลมเปี๊ยบเป็นหัวจรวดมิสไซล์นั้น ต่อให้ดัดฟันสัก 10 ปี หรือผอมลงสัก 20-30 กิโลกรัม ก็เชื่อยากค่ะ ถ้าโครงหน้ามันเปลี่ยนไปขนาดนั้น คาดว่าดาราบางคนที่อ้างแบบนั้นน่าจะไปดัดฟันกับหมอศัลยกรรมมากกว่าหรือไม่ก็ไปฝึกวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็น หรือฤๅษีดัดตนมาค่ะ ดัดไปดัดมา (ซิลิโคน) กระดูกมันเลยมางอกที่จมูกและคาง
Q: ขั้นตอนในการผ่าตัดเหมือนจะยุ่งยากและซับซ้อน คุยกับหมอบางท่านก็หาตัวยากเหลือเกินควรจะทำอย่างไรดีคะ
A : ขั้นตอนการผ่าตัดมีทั้งยากและง่าย แต่ละคนก็แต่ละแบบค่ะ ไม่ได้เหมือนกันทุกคน การที่หมอหาตัวยาก แต่ถ้าเราอยากจะผ่าตัดกับหมอท่านนั้นจริงๆ ยังไงก่อนผ่าก็ต้องได้คุยอยู่แล้วค่ะการผ่าตัดทั้งที เนื้อหนังของเรา ถ้าอยากให้แนใจเราก็ต้องคุยกับหมอที่จะผ่าตัดเราค่ะหมอในประเทศไทยมีมากมาย ถ้าเรามั่นใจท่านไหน อาจจะด้วยการดูรีวิวหรือหาข้อมูลควรถามจนมั่นใจ โดยเดินเข้าคลินิกไปปรึกษาได้เลยค่ะ คิดว่าหมอทุกท่านยินดีให้คำปรึกษานะคะ แต่คำพูดหรือเทคนิคการให้คำปรึกษาอาจจะอยู่ที่สไตล์ของแต่ละคน
บางคลินิกจะมีเจ้าหน้าที่คัดกรองคนไข้ที่ตั้งใจจะมาทำจริงๆ ก่อนที่จะนัดปรึกษาหมออีกครั้ง เพราะถ้าคุณมีความตั้งใจจะทำกับหมอท่านนั้นจริงๆ คงไม่มีหมอท่านไหนไม่คุย แล้วให้มาเจอตอนนอนบนเตียงคนไข้พร้อมที่จะผ่าตัด เหมือนลุ้นเปิดไพ่ป๊อกแบบนั้นแน่นอน ซึ่งหมอเองก็ต้องดูคนไข้ก่อนผ่าตัดเหมือนกันค่ะ และต้องคุยกับคนไข้ให้ตรงกันด้วยว่าแบบไหนทำได้หรือไม่ได้ เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาภายหลัง