EP6 โบท็อกซ์ ยาหรือพิษ มิตรหรือศัตรู by หมอกระติ๊บ


เมื่อพูดถึงเรื่องสวยๆ งามๆ แบบแปะ กิน ทา มามากแล้ววันนี้หมอกระติ๊บขอพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับฉีดกันบ้าง เอาเป็นว่า ณ วินาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จักน้องโบหรือโบท็อกซ์แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นคุณลุง คุณป้า คุณย่า คุณยาย ต่างเคยได้ยินคำนี้กันมาบ้างแล้ว บางคนอาจจะเคยใช้บริการฉีดโบท็อกซ์เพื่อความเป็นอมตะกันมาบ้างแล้วก็ได้
ก่อนอื่นต้องขอเล่าก่อนว่า โบท็อกซ์นั้นมีใช้กันมานานโดยผ่านการทดลองมาร้อยแปด จากแต่ก่อนมีเพียงไม่กี่ยี่ห้อแต่ตอนนี้โบท็อกซ์ยุคโลกาภิวัตน์นี้มีหลายร้อยยี่ห้อจนจาระไนไม่หมด อันที่จริงแล้วโบท็อกซ์จะแบ่งตามสายพันธุ์ แต่คุณผู้อ่านอาจจะไม่อยากรู้ หมอเองยังขี้เกียจจำ เอาเป็นว่ามารู้จักโบท็อกซ์แบบบ้านๆ สไตล์หมอกระติ๊บเหมือนเดิมดีกว่านะคะ ซึ่งการฉีดโบท็อกซ์เป็นการเล่นกับกล้ามเนื้อ เราสามารถใช้โบท็อกซ์ได้หลากหลาย เช่น การลดริ้วรอย (ที่เกิดจากการหดตัวขยับซ้ำๆ ของกล้ามเนื้อจนเกิดริ้วรอย) ลดขนาดใบหน้า โดยการลดกล้ามเนื้อบริเวณกราม (กล้ามเนื้อบดเคี้ยวที่ทำให้กรามดูใหญ่ หน้าดูกางเป็นเหลี่ยม) และอื่นๆ เช่น การลดเหงื่อ การลิฟต์ ซึ่งการฉีดแต่ละแบบก็มีวิธีแตกต่างกัน
โบท็อกซ์ที่ผ่าน อย. ในประเทศไทยและนิยมใช้จะมีอยู่ไม่กี่ยี่ห้อ ซึ่งเป็นสารที่เรียกกันอย่างสามัญว่า Botulinum Toxin A (ส่วนชื่อยี่ห้อขออุบไว้ก่อนค่ะ ลิขสิทธิ์พี่เขาแรงมาก หากอยากรู้หลังไมค์กับหมอนะคะ) ส่วนคำถามที่สาวๆ ต้องถามเลยก็คือ เอ๊ะ! แล้วมันต่างกันอย่างไร ต่างยี่ห้อ ต่างสัญชาติ หน้าตาจะต้องไม่เหมือนกันถูกไหมคะ แต่โบท็อกซ์นะคะ ไม่ใช่คน คงไม่ได้ต่างกันที่รูปร่าง สีผิ ว สีตา คาวาอี้ หรอกค่ะ
โบท็อกซ์ถือว่าเป็น Botulinum Toxin A เหมือนกัน (Botulinum Toxin B ก็มี แต่ประเทศไทยยังไม่เห็นใช้กันทั่วไปถ้าอย่างนั้นละไว้ในฐานที่เข้าใจก็แล้วกันนะจ๊ะ) ส่วนคุณภาพยานั้นดีแน่นอน (แต่ฝีมือคนฉีดก็เป็นปัจจัยหลักเลย) โดยทั่วไปแล้วโบท็อกซ์จะมีฤทธิ์อยู่ได้นานประมาณ 6 เดือน หรืออาจจะนานกว่านั้นเล็กน้อย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตของคนไข้ คือ เลี่ยงความร้อน อย่าพยายามใช้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นมาก มันก็จะอยู่ได้นานหน่อย เช่น บางคนบอกว่า
“ฉันฉีดโบท็อกซ์จากอเมริกามานะเฟ้ย มันต้องอยู่ได้นานจนวันเผาสิ”
แบบนี้ก็ไม่ใช่ เพราะตัวยาจะมีความเสื่อมตามกาลเวลาและไม่สามารถเปรียบเทียบได้ว่าอยู่กันได้นานกี่เท่า ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับงบประมาณและการเลือกว่าต้องการแบบไหนมากกว่า
ถ้าจะเปรียบเทียบก็คล้ายกับการเลือกกระเป๋าแบรนด์เนมจุดประสงค์คือใช้หิ้วและใส่ของได้เหมือนกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่แพงจะเป็นอมตะ ไม่เก่า ไม่เปื่อย แต่มันอาจจะใช้ทนกว่าสวยกว่า ตัดเย็บดีกว่า แต่เทียบแล้วราคาของแบรนด์เนมหนึ่งใบเราอาจจะซื้อกระเป๋าราคาธรรมดาใหม่ๆ ใช้ไปได้ทั้งชีวิต (อันนี้ไม่นับพวกโบท็อกซ์ปลอมหรือที่ไม่ได้มาตรฐานนะคะ เพราะอันนั้นฉีดแล้วผลเสียมากกว่าผลดี ซึ่งอาจจะมีการดื้อยาในการฉีดครั้งต่อไป หรือไม่เห็นผลเลยก็ได้)
สุดท้ายนี้ การที่จะเลือกฉีดโบท็อกซ์หรือฉีดอะไรเข้าตัวควรที่จะดูตาม้าตาเรือ หรือฉีดกับหมอที่มีประสบการณ์เท่านั้น โดยไม่สุ่มสีสุ่มห้าไปฉีดกับหมอกระเป๋า หมอเถือนหากพลาดพลั้งขึ้นมาก็ต้องโทษตัวเอง
โบท็อกซ์แม้ว่าจะพลาดแต่มันก็มีระยะหมดฤทธิ์ คือ 6 เดือน โดยจะสลายได้เร็วเมื่อเจอความร้อน ดังนั้น ถ้าพลาดก็ไม่เสียโฉมถาวรแต่ก็ทำให้เราจิตตกไปได้นานทีเดียว
ถามมา ตอบไป by หมอกระติ๊บ
Q: หมอขาาา หนูขอฉีดโบท็อกซ์แบบไม่ผสมน้ำเกลือนะคะ หนูเอาเพียวๆ กลัวไม่เห็นผล
A: โถๆๆ ถ้าไม่ผสมน้ำเกลือ หมอดูดยาไม่ได้จ้ะ คือโบท็อกซ์ขวดที่ใช้จะมาในรูปแบบ Powder โดยมี 2 แบบ คือ แบบผงแป้งอัด และแบบผงเคลือบขวดที่เรียกว่าแบบสุญญากาศ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีการผสมของเหลวเข้าไป เพื่อให้ฉีดเข้าไปได้ เพราะเราคงไม่สามารถฉีดผงเข้าไปได้ แต่ความเข้มข้นอยู่ที่การผสมน้ำเกลือมากหรือน้อย ซึ่งสูตรการผสมจริงๆ จะมีมาตรฐานของมันแต่บางสูตรจะผสมให้เข้มข้นหรือเจือจางก็แล้วแต่หมอแต่ละคน และการฉีดในรูปแบบต่างๆ ค่ะไม่มีหลักการตายตัว มีแต่หลักการมาตรฐานในการผสมให้ได้ตามยูนิตค่ะ
Q: หมอร้านนั้นฉีดโบท็อกซ์จากอเมริกาขวดหนึ่ง 100 ดอลลาร์ แค่ 3,000-5,000 บาทเอง ทำไมหมอคิดแพงจัง แค่โบท็อกซ์เกาหลีทำไมถึงแพงกว่าของอเมริกาคะ
A: บอกได้เลยค่ะว่าที่คุณน้องดูมามันเป็นอเมริเก๊ค่ะ ไม่ใช่อเมริกา ถ้างบน้อยก็อย่าไปยึดติดกับคำว่าอเมริกาค่ะ เพราะจะเจออเมริเก๊แทนแม้ว่าบินไปซื้อถึงอเมริกาก็ไม่ได้ราคาเท่านี้ค่ะ
Q: หมอที่นำเข้าจากอเมริกาเขาเอาขวดให้ดูเลยนะ
A: แค่ขวดยาอเมริกาของแท้ใครๆ ก็มีได้ค่ะแต่ยาข้างในคุณพิสูจน์ได้หรือเปล่าคะ
Q: หมอขอเหมาทั่วหน้านะ เอาเหมาๆ มีงบ 5,000 บาท ร้านนั้นบอกเหมาทั่วหน้า 5,000 บาทเอาหมดนะ อยากหน้าเรียว ตีนกาหาย ริ้วรอยหน้าผาก ร่องขมวดคิ้ว ลดโหนกแก้ม ลดปีกจมูก เข้าใจไหมคำว่าเหมา ร้านนั้นทำได้ทำไมหมอทำไม่ได้
A: ของทุกอย่างมีต้นทุนค่ะ เอาเป็นว่าถ้าหมอใช้ยาที่ถูกต้อง ทำตามมาตรฐานแบบที่คำนวณแล้วเห็นผล ฉีดด้วยฝีมือ ละเอียด เอาให้ได้ผลทุกอย่างตามที่น้องพูด หมอฉีดราคานั้นแล้วขาดทุนค่ะ ขาดเยอะด้วยค่ะ ขอเชิญน้องไปร้านนั้นนะคะ แล้วถ้าโดนฉีดน้ำเกลือเปล่าๆ แบบเหมามาก็ไม่ต้องร้องนะคะ เสียเงินฟรีๆ 5,000 บาท
Q: หมอรับประกันไหมว่าเห็นผลชัวร์ มีการันตีไหม ย้ำว่าฟรี ร้านนั้นไม่เห็นผล ย้ำว่าฟรี
A: คล้ายๆ กับข้างบนค่ะ ทุกอย่างมีต้นทุน ด้วยประสบการณ์การฉีด ด้วยยามาตรฐาน รับรองว่าเห็นผลแน่นอน แต่ไม่มีอะไร 100% จากตัวยาแต่ละคนอาจเห็นผลต่างกัน หมอไม่การันตีค่ะเพราะมันการันไม่ได้ ได้แค่บอกว่าเห็นผลแน่นอน แต่ผลของแต่ละคนจะต่างกัน ซึ่งคุณจะได้รับการประเมินแต่แรกแล้วว่าเป็นการแก้ไขด้วยการใช้โบท็อกซ์ ไม่ใช่การฉีดฟิลเลอร์แล้วมาฉีดโบท็อกซ์ แบบนั้นยังไงก็ไม่รับประกันค่ะ เพราะว่าได้รับการวินิจฉัยที่ผิดแต่แรก
Q : เดี๋ยวนี้มีโบท็อกซ์แบบทาทิ้งไว้ที่คางแล้วเหรอคะ มีจริงหรือเปล่า แล้วโบท็อกซ์สามารถซึมเข้าไปลดกรามเราได้จริงเหรอคะ
A: เห็นอยู่ค่ะ มีขายกันเนืองๆ จริงๆ โบท็อกซ์แบบทาเป็นสารกลุ่มที่ออกฤทธิ์เพื่อลดริ้วรอยคล้ายโบท็อกซ์ค่ะ เช่น พวกพิษงู หรือสาร Argireline แต่ส่วนใหญ่ให้ผลทางริ้วรอยมากกว่า แต่ก็สู้แบบฉีดไม่ได้แน่นอนค่ะ ส่วนทาลดกรามอันนี้ยากเลยค่ะ เพราะกล้ามเนื้อกรามมันอยู่ลึกเกินกว่าที่ครีมจะซึมผ่านไปถึงแน่นอน พวกน้ำฉีดหน้าเรียว ครีมหน้าเรียว ส่วนใหญ่มโนมากกว่าค่ะ อาจจะมีสารคล้ายซิลิโคนหรือกาว ซึ่งทำให้หน้าดูตึงทันทีที่ใช้ หรือพวกชิมเมอร์สารสะท้อนแสงที่ทำให้หน้าดูเรียวขึ้นแบบหลอกๆ ค่ะ
สุดท้ายนี้มีอีกหลายคำถามที่จาระไนมาไม่หมด แต่จากที่หมอกระติ๊บพูดมาจนบัดนี้หวังว่าทุกคนคงเห็นภาพ และรู้จักโบท็อกซ์มากขึ้นไม่มากก็น้อยนะคะ